วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

3G คือ

3G หรือ Third Generation  เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต



      3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
      ลักษณะการทำงานของ 3G เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น
      เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ เทคโนโลยี
      3G น่าสนใจอย่างไร
      จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่
      เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น
      3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว “Always On”
      คุณสมบัติหลักของ 3G คือ 
      มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล
     ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC

WCDMA คือ

 WCDMA คืออะไร?
WCDMA (Wideband Code Division Multiple Access) คือระบบเครือข่ายมาตรฐานใหม่ที่พัฒนามาจาก GSM ครับ เป็นรุ่นที่ 3 ต่อจาก GSM หรือ 3G นั่นเอง​ ^^~ เครื่องไหนที่รับรองรับเครือข่าย WCDMA ก็หมายความว่ารองรับ 3G ครับ
และที่เข้าใจผิดกันมากก็คือ WCDMA นั้นไม่เหมือนกัน CDMA และใช้กันไม่ได้นะครับ เครื่องมือถือที่รองรับสัญญาณเครือข่ายแบบ CDMA ไม่ได้แปลว่าสามารถรับสัญญาณเครือข่ายแบบ WCDMA ได้ และในทางกลับกัน เครื่องที่รองรับ WCDMA ก็ไม่ได้แปลว่าจะรองรับ CDMA ได้เช่นกันครับ (เครื่องที่รองรับ CDMA แทบทั้งหมดจะไม่รองรับ  WCDMA อีกด้วยครับ) 
 
UMTS คืออะไร?
 UMTS (Universal Mobile Telecommunications System)  คือการรับส่งข้อมูลในมาตรฐาน 3G ที่ส่งผ่านสัญญาณเครือข่ายแบบ WCDMA ครับ เปรียบเสมือน GPRS ที่ส่งผ่านสัญญาณเครือข่าย GSM ในมาตรฐาน 2G นั่นล่ะครับ ซึ่ง UMTS มีความเร็วสูงสุดอยู่เเพียง 384kbps เท่านั้นครับ เพราะฉะนั้น เครื่องที่รองรับเครือข่าย 3G ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเล่น Internet ได้เร็วเสมอไปนะครับ ><
 
HSDPA คืออะไร?
  HSDPA (High-Speed Downlink Packet Access) คือเทคโนโลยีการรับข้อมูลที่พัฒนามาจาก UMTS ครับ เปรียบเสมือน EDGE ที่พัฒนามาจาก GPRS แหละครับ และนี่แหละคือพระเอกตัวจริงที่ทำให้ 3G มีความแตกต่างครับ เพราะการรับข้อมูลแบบ HSDPA นั่นสามารถรับได้ความเร็วสูงสุดถึง 14.4 Mbps เลยครับ ซึ่งความเร็วนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวมือถือและทางผู้ให้บริการระบบเครือข่าย ด้วยว่าจะให้ความเร็วอยู่ที่เท่าไร  (ประเทศไทยคาดว่าจะให้ความเร็วอยู่ที่  7.2 Mbps ครับ) ^^ เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังเลือกซื้อมือถือ 3G เพื่อมาใช้เล่น Internet ก็ต้องคอยมองดูด้วยนะครับว่ารองรับ HSDPA หรือเปล่า
 
HSUPA คืออะไร?
  HSUPA (High-Speed Uplink Packet Access) คือเทคโนโลยีการส่งข้อมูลที่พัฒนามาจาก UMTS เช่นกันครับ ซึ่งตอนนี้ความเร็วสูงสุดในในการส่งข้อมูลคือ 5.76 Mbps ครับ (เน็ทตามบ้านส่วนใหญ่ความเร็วในการส่งข้อมูลจะอยู่ที่ 0.5Mbps ครับไม่ว่าการรับข้อมูลจะเร็วแค่ไหนก็ตาม)
 
HSPA คืออะไร?
 HSPA (High-Speed Packet Access) คือการรวม HSDPA และ HSUPA เข้าด้วยกันครับ เรียกรวมๆกันว่าเป็น HSPA